คัมภีร์ กศน.
โดย หน่วยศึกษานิเทศ สำนักงาน กศน.
ศัพท์ที่อธิบายไว้ในคัมภีร์ กศน. จำนวน
50 คำนี้
เป็นคำสำคัญที่ได้เลือกสรรมาแล้ว
โดยมีลักษณะสำคัญคือเป็นคำที่แสดงถึงหลักการหรือหัวใจของการบริหารและการบริการงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
เพื่อให้ทุกฝ่ายข้าใจและสื่อความหมายให้ตรงกัน
1. การศึกษา (Education)
การพัฒนาบุคคลหรือกลุ่มบุคคลให้เกิดการเรียนรู้
การปรับพฤติกรรมและพัฒนาสู่การเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมการศึกษามีความหมายกว้าง
แบ่งออกเป็น 3 ระบบ ได้แก่ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ
และการศึกษาตามอัธยาศัยการศึกษาเป็นวิชาชีพอย่างหนึ่ง ซึ่งบุคลากรที่เกี่ยวข้อง
มีตั้งแต่ผู้บริหารการศึกษา ครู นักเรียน / นักศึกษา และบุคลากรทางการศึกษา
ตัวอย่าง : คนไทยมีการศึกษาเฉลี่ย 8.82 ปี ในปี พ.ศ.
2551 ในขณะที่ คน
อเมริกันมีการศึกษาเฉลี่ย 10.50 ปี
2. การเรียนรู้ (Learning)
การลงมือปฏิบัติหรือฝึกในเรื่องหนึ่ง เรื่องใด
ซึ่งอาจเรียนรู้ตามธรรมชาติ เช่น พัฒนาการเด็ก การปรับเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม
การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และเรียนรู้ในสภาพที่มีการจัดการโดยบุคคล หรือสื่อต่างๆ
สิ่งที่เกิดตามมาจากการเรียนรู้ คือเกิดการปฏิบัติ
เป็นเรื่องที่เกิดเฉพาะกับบุคคล ตอบสนองต่อสิ่งเร้า
การเรียนรู้ใช้ระยะเวลาตามความยากง่าย
มักได้รับอิทธิพลจากผู้อื่นและเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต
ตัวอย่าง :
ทารกเรียนรู้การพูดจากการเลียนเสียงพ่อแม่ พี่เลี้ยง
หรือคนงานที่ผ่านงานกลึงจะเรียนรู้งานปั้นได้เร็ว
3. การศึกษาตลอดชีวิต (Lifelong Education)
การศึกษาที่เกิดขึ้นจากการผสมผสานระหว่างการศึกษาในระบบ
การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย
เพื่อให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
การศึกษาทั้งชีวิตของคนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่เกิดจนตายพัฒนาคนได้เรียนรู้ในรูปแบบต่างๆตามความสามารถของตนเอง
เพื่อก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลก สามารถทำงานและอยู่ร่วมกันในสังคม
การจัดกิจกรรมการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นไม่จำกัดเพศ
อายุ เวลาเรียน สถานที่เรียน สนองความต้องการของผู้เรียน
มีการวัดประเมินผลตามสภาพและพัฒนาการของผู้เรียน เช่น
การศึกษาพื้นฐานการศึกษาด้านอาชีพ การให้ความรู้ทั่วไป การฝึกอบรม
ตัวอย่าง :
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นนักการศึกษาตลอดชีวิต
กล่าวคือ พระองค์ทรงแสวงหาความรู้ตลอดเวลา ทุกสถานที่ ทุกรูปแบบ เช่น
การประชุมสัมมนา ทัศนศึกษา ทรงบันทึกทุกอย่าง ขณะเสด็จพระราชดำเนินสถานที่ต่างๆ
เพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลในการศึกษาหาความรู้อย่างต่อเนื่อง
4. การศึกษาในระบบ (Formal Education)
การศึกษาที่กำหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา หลักสูตร
ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล
ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษาที่แน่นอน
ถ่ายทอด ปลูกฝังให้เด็ก เยาวชน ประชาชนให้มีความสามารถในการเรียนรู้
พัฒนาตนเอง อย่างต่อเนื่อง มีอาชีพเป็นการจัดการศึกษาที่มีหลักสูตร ครูผู้สอน
สื่ออุปกรณ์ รูปแบบวิธีการสอน สถานที่ศึกษา
ตัวอย่าง :
การจัดการศึกษาก่อนวัยเรียน การศึกษาขั้นพื้นฐานการศึกษา อาชีวศึกษา
และระดับอุดมศึกษา
5. การศึกษานอกระบบ(Non-Formal
Education)
การศึกษาที่จัดขึ้นนอกระบบปกติที่จัดให้กับประชาชนทุกเพศทุกวัย
เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้พื้นฐาน ความรู้ด้านทักษะการประกอบอาชีพ
และความรู้ด้านอื่น ๆ
เพื่อเป็นฐานในการดำรงชีวิตอย่างมีคุณธรรมบนพื้นฐานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
หลักสูตรมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียน
มีความยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมาย รูปแบบ วิธีการจัด ระยะเวลาเรียน เนื้อหา
การวัดผลและประเมินผล
ทุกภาคส่วนของสังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาให้กับประชาชน โดยใช้สื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
และแหล่งเรียนรู้ทุกประเภท เพื่อให้ประชาชนสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต
ตัวอย่าง :
การสอนผู้ใหญ่ที่ไม่รู้หนังสืออ่านออกเขียนได้ และเข้าใจหน้าที่พลเมือง
6. การศึกษาตามอัธยาศัย (Informal
Education)
ผู้เรียนเรียนรู้ตามวิถีชีวิตที่เกิดขึ้นได้ทุกเวลา
ทุกสถานที่ และทุกช่วงวัยของชีวิต โดยเรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจ ศักยภาพ
ความพร้อม โอกาส ประสบการณ์ การทำงาน สภาพแวดล้อม และแหล่งเรียนรู้ต่างๆ
เพื่อเพิ่มพูนความรู้ เจตคติ ทักษะ ความบันเทิง และการพัฒนาคุณภาพชีวิต เช่น
การเรียนรู้จากครอบครัว เพื่อนบ้าน จากการทำงาน การเล่น จากตลาด ร้านค้า ห้องสมุด
ตลอดจนเรียนรู้จาก สื่อมวลชนต่างๆ เป็นต้น
การจัดกิจกรรมในแหล่งการเรียนรู้ประเภทต่างๆ
เช่น ห้องสมุดประชาชน พิพิธภัณฑ์ การเรียนรู้ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์
การเรียนรู้จากภูมิปัญญา การจัดกลุ่มเสวนา การอภิปราย กิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรม
กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน การเผยแพร่ข่าวสารข้อมูล และความรู้ต่างๆ กลุ่มดนตรี กลุ่มสิ่งแวดล้อม พัฒนาชุมชน
แหล่งท่องเที่ยว วัฒนธรรมพื้นบ้าน การฟังวิทยุ การดูโทรทัศน์ ฯลฯ
ตัวอย่าง :
เด็กเรียนรู้ เกี่ยวกับภาษาและคำศัพท์ต่างๆ จากโทรทัศน์ จากพ่อแม่
7. การเรียนรู้ตามอัธยาศัย (Informal Learning)
มนุษย์เรียนรู้จากประสบการณ์ โดยตั้งใจ
หรือไม่ตั้งใจ ได้รับความรู้อย่างไม่รู้ตัว โดยผ่านสื่อต่างๆ เช่น วิทยุ โทรทัศน์
คอมพิวเตอร์ สื่อบุคคล ฯลฯ สามารถนำความรู้นั้นไปใช้ เช่น การดูละครทางโทรทัศน์เพื่อการผ่อนคลาย
อ่านหนังสือ ดูรายการที่ให้ความรู้ที่จัดขึ้นทางโทรทัศน์ ฟังข่าววิทยุ
อ่านหนังสือพิมพ์ การท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ เป็นต้น ผู้เรียนเป็นผู้กำหนดการเรียนรู้ด้วยตนเอง
นับตั้งแต่การเลือกที่จะเรียนรู้ หรือไม่
เรียน
จะเรียนรู้เรื่องใด ผู้เรียนเป็นผู้ประเมินผลการเรียนรู้ของตนเอง
ตัวอย่าง : นายเจนวิทย์ อภิชัยนันท์
ได้ชนะเลิศเป็นสุดยอดแฟนพันธุ์แท้แสตมป์ไทย ในรายการแฟนพันธุ์แท้ ทางสถานีโทรทัศน์
ช่อง 5 เนื่องจากเป็นผู้ที่สนใจและเรียนรู้เกี่ยวกับแสตมป์มาเป็นเวลานาน
จนเป็นงานอดิเรกที่ทำรายได้และชื่อเสียงแก่เขาเป็นอย่างมาก
8. การศึกษาต่อเนื่อง (Continuing
Education)
การศึกษาที่จัดขึ้นเพื่อสนองความต้องการ
และความจำเป็นของบุคคลต่อเนื่องไปจากการศึกษาขั้นพื้นฐานและอุดมศึกษา การศึกษาเพื่อการอ่านออกเขียนได้ขั้นพื้นฐาน
เป็นการศึกษาที่ให้โอกาสทางการศึกษา เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้กับบุคคล
การศึกษาที่ให้โอกาสทางการศึกษา เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้กับบุคคล
การจัดการศึกษาต่อเนื่อง มีหลายรูปแบบ เช่น
การจัดการศึกษาหลังการรู้หนังสือ การศึกษาเพื่อการเทียบโอน
การศึกษาเพื่อการมีรายได้ การศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต
การศึกษาเพื่อส่งเสริมความสนใจส่วนบุคคล การศึกษาเพื่อให้สอดคล้องกับอนาคต
ตัวอย่าง : นายบุญถมรู้สึกดีใจที่เพิ่งอ่าน
และเขียนชื่อตนเองได้ แต่เขากลัวจะลืม
จึงสมัครเรียนต่อในระดับประถมศึกษา
และตั้งใจจะเรียนเพาะเห็ดที่ศูนย์อำเภอฯ ใกล้บ้านด้วย เพราะจะช่วยให้เขามีรายได้เพิ่ม
ตัวอย่าง :
นางสาวจินตนาทำงานเป็นพนักงานพิมพ์ดีดในบริษัทแห่งหนึ่งมาเป็น
เวลานาน
อยู่มา
วันหนึ่งผู้จัดการบอกว่าแผนกธุรการจะเปลี่ยนไปใช้คอมพิวเตอร์แทนเครื่องพิมพ์ดีด
ทำให้นางสาวจินตนาตัดสินใจไปเรียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อจะได้ไม่ตกงาน
9. การศึกษาทางเลือก (Alternative
Education)
ประชาชนมีสิทธิและเสรีภาพในการจัดการศึกษาด้วยตนเอง โดยสามารถเลือกวิธีเรียนที่เหมาะสม
และเนื้อหาวิชาเรียนตามความต้องการ เพราะเชื่อว่ามนุษย์มีความแตกต่าง
การจัดการศึกษาให้มีความยืดหยุ่นและหลากหลาย
การจัดกระบวนการเรียนรู้ เนื้อหาสาระการเรียนรู้ สอดคล้องกับธรรมชาติ
และความต้องการของผู้เรียน
การศึกษาทางเลือกจัดได้หลายรูปแบบ ได้แก่
จัดโดยครอบครัวหรือโฮมสคูล จัดโดยโรงเรียน หรือพ่อครู ปราชญ์ชาวบ้าน
ถ่ายทอดภูมิปัญญาความรู้แก่ผู้เรียน เช่น ศิลปะ การช่าง ด้านเกษตรกรรม
การแพทย์พื้นบ้าน สมุนไพร เป็นต้น
การศึกษาทางเลือกผ่านสื่อการเรียนและแหล่งเรียนรู้
เช่น หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์
สถานที่ท่องเที่ยว การเรียนรู้ ผ่านกลุ่มกิจกรรมชุมชน การสืบสานภูมิปัญญา
การฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม การอนุรักษ์ทรัพยากร การแพทย์พื้นบ้าน การสาธารณสุข
การจัดการปัญหาชุมชน เด็ก และสตรี ฯลฯ
ตัวอย่าง :
กิจกรรมการเรียนรู้ที่ไม่อิงกับหลักสูตรรัฐ เสียค่าใช้จ่าย และไม่เสียค่าใช้จ่าย
ซึ่งจัดโดยสถาบัน เช่น มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน สถาบันเรียนรู้ขององค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs) เป็นต้น
10. การเรียนรู้แบบเปิด (Open Learning)
กระบวนการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสทางการศึกษาให้แก่ผู้เรียนสามารถเลือกวิธีการเรียน
เวลา สถานที่ ตลอดจนสิ่งที่จะเรียนได้เอง เพื่อสนองความต้องการของผู้เรียน
รูปแบบการเรียนรู้ที่มีความยืดหยุ่นด้านเนื้อหาสาระ
โครงสร้างหลักสูตร สถานที่ อุปกรณ์
เวลาที่จัด ระยะเวลาเรียน รูปแบบการประเมินผล
การคิดหน่วยกิตให้กับสิ่งที่เรียนรู้จากประสบการณ์ ที่เอื้อประโยชน์ให้ผู้เรียน
เช่นการ เรียนทางไกล การผ่านเทคโนโลยีการสื่อสาร เป็นต้น
ตัวอย่าง:
การเรียนทางไกลเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้แบบเปิด
เนื่องจากการเรียนรู้แบบเปิดเกิดขึ้นได้ในขณะที่ผู้เรียนและผู้สอนอยู่ไกลกัน
เช่นนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนทางไกล เป็นต้น
11. การศึกษาทางไกล
การจัดการศึกษารูปแบบหนึ่งที่เน้นการใช้สื่อเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้
เช่น สื่อไปรษณีย์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ สื่อบุคคล เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เป็นต้น โดยมุ่งให้ผู้เรียนศึกษาด้วยตนเองเป็นหลัก
ไม่มีข้อจำกัดเรื่องสถานที่และเวลา บริการได้อย่างกว้างขวาง
มีความคล่องตัวและยืดหยุ่น การจัดการศึกษาทางไกล
มีหลายรูปแบบ เช่น การจัดการศึกษาพื้นฐาน และการศึกษาต่อเนื่อง
เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต การประกอบอาชีพ และการพัฒนาสังคมชุมชน
ผ่านรายการวิทยุโรงเรียน โทรทัศน์เพื่อการศึกษาผ่านดาวเทียม การหาความรู้โดยวิธี e-Learning
โดยผ่านทางระบบ On-line ทาง Internet สื่อประสม เป็นต้น
ตัวอย่าง
:มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชจัดรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษาขึ้นในรูปแบบการจัดการศึกษาทางไกลระดับอุดมศึกษา
12. ศาสตร์และศิลป์ในการสอนผู้ใหญ่ (Andragogy)
แนวทางในการจัดสภาพการเรียนรู้ให้ผู้เรียนผู้ใหญ่
ด้วยการวางแผนกิจกรรมประสบการณ์การเรียนรู้ที่เหมาะสมกับคุณลักษณะของผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่สามารถชี้นำตนเองได้หากจัดสภาพการเรียนรู้ที่เอื้อให้เกิดการเรียนรู้
ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพและคงทน
วิธีการช่วยให้ผู้ใหญ่เรียนรู้
ผู้ใหญ่พร้อมที่จะเรียนรู้ตามบทบาทของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้ใหญ่เรียนรู้จากประสบการณ์ กระบวนการแก้ปัญหา การตัดสินใจ การค้นคว้า การฝึกอบรม และการพัฒนา
ตัวอย่าง : นางคำปัน อายุ 50 ปี เป็นชาวนา
ว่างจากการทำนา อยากมีรายได้พิเศษ ครู ศรช. สร้อยทิพย์ ทราบข่าว
จึงชักชวนมาเรียนวิชาอาชีพระยะสั้น ก็ประสบผลสำเร็จ เพราะครูเชื่อว่าผู้ใหญ่จะมีความพร้อมที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่ตนต้องการรู้
หรือสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ดีในชีวิตจริง
13. คิดเป็น
ดร.โกวิท วรพิพัฒน์ และคณะ
ได้ประยุกต์แนวความคิดในเรื่อง “คิดเป็น”
และนำมาเป็นเป้าหมายสำคัญในการให้บริการการศึกษาผู้ใหญ่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513
เป็นต้นมา
การวิเคราะห์ปัญหาและแสวงหาคำตอบหรือทางเลือกเพื่อแก้ปัญหา
คิดอย่างรอบคอบโดยอาศัยข้อมูลตนเอง ข้อมูลสังคมสิ่งแวดล้อมและข้อมูลวิชาการ รู้จักคิดเพื่อแก้ปัญหา
ด้วยการกระทำการอย่างเหมาะสมและพอดี
ตัวอย่าง : ปราชญ์ชาวบ้านคุณลุงประยงค์ รณรงค์
แห่งชุมชนบ้านไม้เรียง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นตัวอย่างของคนที่ “คิดเป็น” เพราะ ลุงประยงค์ จะมีความคิดที่เชื่อมโยง
คิดแยกแยะ หาความชัดเจน เพื่อหาทางเลือกที่ดีที่สุดในการนำไปปฏิบัติ
และทดลองความรู้ที่หามาได้ก่อนการยืนยันเสมอ
แนวคิดนี้ทำให้ลุงประยงค์เป็นแกนนำสำคัญที่ทำให้ชุมชนไม้เรียง
เป็นชุมชนตัวอย่างหนึ่งที่เข้มแข็ง
สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างเหมาะสมพอดีกับบริบทของชุมชน
สอดคล้องกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
14. การรู้หนังสือ (Literacy)
ความสามารถในการอ่านออกเขียนได้ของบุคคลที่มีอายุตั้งแต่
5 ปีขึ้นไป การอ่านออกเขียนได้ จะเป็นภาษาใด ๆ ก็ตามทั้งสิ้น โดยอ่านและเขียนข้อความง่าย
ๆ ได้
ผู้รู้หนังสือ คือ ผู้ที่สามารถเข้าใจได้ทั้งการอ่าน
เขียน ข้อความง่าย ๆ และการคิดคำนวณที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
การอ่าน เขียนเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้
เพื่อเตรียมผู้เรียนให้สามารถปรับตัวได้ในยุคโลกาภิวัตน์ สามารถอ่านเข้าใจข้อความจากเอกสารต่าง
ๆ ได้
การเรียนรู้หนังสือ การคำนวณตัวเลข
และทักษะที่จำเป็นต่อชีวิตเป็นปัจจัยสำคัญของการพัฒนาประเทศ
และเป็นสิทธิมนุษยชนที่ทุกคนพึงได้รับ
ตัวอย่าง : ชาวมอแกนเป็นชนกลุ่มหนึ่ง
มีอาชีพเป็นชาวประมง อาศัยอยู่ในหมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา อ่าน
พูดเขียนภาษาไทยไม่ได้ ศบอ. คุระบุรี จึงได้จัดทำโครงการสอนภาษาไทยแก่ชาวมอแกน
เพื่อให้ชาวมอแกนสามารถพูดภาษาไทย เพื่อสื่อสารกับนักท่องเที่ยวได้
15. การศึกษาชุมชน(Community Education)
การจัดและให้การศึกษาแก่คนในชุมชน
นักการศึกษาต้องเข้าใจสภาพสังคม การเมือง เศรษฐกิจ
สิ่งแวดล้อมของหมู่บ้าน ลักษณะผู้นำท้องถิ่น ชาวบ้าน ค่านิยม ความเชื่อ
ศิลปวัฒนธรรมประเพณี ศาสนา ตลอดจนสภาพปัญหาต่างๆ
เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนการจัดการศึกษานอกโรงเรียน และการศึกษาตามอัธยาศัย
ให้แก่คนในชุมชน
การทำให้ประชาชนในชุมชนเกิดการเรียนรู้ ความตระหนักที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาของชุมชน
ด้วยความร่วมมือ ร่วมใจ เกิดความเอื้ออาทรต่อกัน และความมั่นใจในการพึ่งตนเอง อันจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน
ตัวอย่าง : ก่อนที่ครูการศึกษานอกโรงเรียน วีรวรรณ
จะจัดกิจกรรมการศึกษานอกโรงเรียนและการศึกษาตามอัธยาศัย ในศูนย์การเรียนชุมชน
ตำบลศรีโพธิ์ อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน นั้น ครูวีรวรรณ
จะต้องทำการสำรวจความต้องการของผู้เรียนก่อน
โดยเก็บรวบรวมข้อมูลของชุมชนในทุกๆด้าน ตลอดจนสภาพปัญหาของหมู่บ้าน
ซึ่งพบว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในตำบลนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ต้องการมีรายได้เสริม
และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ครูวีรวรรณ จึงตัดสินเปิดสอนวิชาชีพจักสาน
ซึ่งสอดคล้องกับทรัพยากรในท้องถิ่น
16. วิทยาการผู้สูงอายุ (Gerontology)
การนำ หลักการ และวิธีการสอนผู้ใหญ่
ผสมผสานกับวิทยาการทางการแพทย์และทางสังคม
มาเป็นแนวทางการจัดการเรียนการสอนให้แก่ผู้สูงอายุ
โดยเชื่อว่าการเรียนรู้ของบุคคลสามารถปรับตัวและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ การจัดการศึกษาและการเรียนรู้แก่ผู้สูงอายุ
เพื่อพัฒนาผู้สูงอายุให้มีศักยภาพและมีคุณภาพ
สามารถเป็นทรัพยากรที่มีคุณภาพของสังคมได้
การเตรียมตัวก่อนการเป็นผู้สูงอายุและการให้ความรู้หลังวัยสูงอายุ
เพื่อพัฒนาผู้สูงอายุให้สามารถปรับตัวได้
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ควรจัดอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
โดยคำนึงถึงความต้องการพื้นฐานของผู้สูงอายุ เช่นการฝึกอบรมเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพผู้สูงวัย
เป็นต้น
ตัวอย่าง ลุงสมาน อายุ 65 ปี
อยากใช้อินเตอร์เน็ตเป็น เพราะอยากเขียนจดหมายอีเลคทรอนิคส์ หรือ อี-เมล์
ให้หลานชายที่ทำงานอยู่สวีเดน จึงไปสมัครเรียนที่ ศบอ. บางซื่อ ครู กศน.
จึงต้องสอนพื้นฐานการใช้คอมพิวเตอร์ก่อน จึงจะสอนการโต้ตอบ การเขียนจดหมาย
17. การเรียนรู้ด้วยการนำตนเอง (Self-directed
Learning: SDL)
กระบวนการเรียนรู้ที่ผู้เรียนริเริ่มการเรียนรู้ด้วยตนเอง
ตามความสนใจ ความต้องการ และความถนัด อย่างมีเป้าหมาย รู้จักแสวงหาแหล่งเรียนรู้
เลือกวิธีการเรียนและประเมินความก้าวหน้าการเรียนรู้ของตนเอง ซึ่งทำด้วยตนเอง
หรือขอความช่วยเหลือผู้อื่นก็ได้
การเรียนรู้ด้วยการชี้นำตนเองมีหลายรูปแบบ
เช่น การอ่าน การอภิปราย การเขียน
การเสาะหาความรู้โดยการสัมภาษณ์ การท่องเที่ยว การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้รู้
เรียนรู้ด้วยตนเองจากการใช้คอมพิวเตอร์ โปรแกรม สื่อต่างๆ เป็นต้น
ตัวอย่าง :
นางสาวอังคณาอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับกฎหมายชีวิตประจำวัน จึงไปห้องสมุด
หาหนังสือเกี่ยวกับกฎหมายมาอ่าน ทำให้เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง
เกิดความสงสัยหลายเรื่อง จึงตัดสินใจไปหานิติกร (นักกฎหมายที่ทำงาน)
เพื่อไขข้อข้องใจ
18. การจัดการความรู้ (Knowledge
Management)
กระบวนการที่องค์การยกระดับความรู้ แก่บุคลากร
เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดแก่องค์การ โดยให้ความรู้ที่ถูกต้อง
สอดคล้องกับบุคคลและเวลา การจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความรู้
ได้แก่ การผลิต การสร้าง และการเผยแพร่ความรู้ การแบ่งปัน แลกเปลี่ยนความรู้
ยกระดับความรู้ การใช้ความรู้ร่วมกันในการแก้ปัญหา การวางแผนกลยุทธ์และการตัดสินใจ
รวมไปถึงมีการจัดการเกี่ยวกับฐานความรู้ของทรัพยากรบุคคลในองค์การ
การออกแบบการฝึกอบรมและติดตามเพื่อพัฒนาคนในรูปแบบต่าง ๆ
เป็นการประเมินและพัฒนาความรู้ของแต่ละคนในองค์กร
ตัวอย่าง :
กิจกรรมที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการความรู้ ได้แก่
การพัฒนาฐานความรู้เกี่ยวกับลูกค้า/ผู้เรียน/ผู้รับบริการ การจัดให้มีการประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็น
โดยเป็นการประชุมตามปกติ หรือผ่านการสื่อสารทางไกลรูปแบบต่าง ๆ
การจัดกระบวนการกลุ่มให้คนในหน่วยงานได้ทำงาน
แก้ปัญหาร่วมกัน
ส่งเสริมให้รางวัลหรือยกย่องการแบ่งปันข้อมูลและการป้องกันไม่ให้มีการปิดบังข้อมูล
การค้นหาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษในความรู้และทักษะที่เป็นหัวใจของความสำเร็จขององค์กร
และหาแนวทางให้ได้อยู่ในองค์กรนาน ๆ
19. เครือข่ายการเรียนรู้ (Learning Network)
การประสานแหล่งความรู้ต่างๆ เข้าด้วยกัน
เพื่อรับและส่ง หรือถ่ายทอดความรู้ประเภทต่าง
ๆ ไปยังประชาชนอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา
การจัด และเชื่อมโยงแหล่งการเรียนรู้ให้เป็นระบบ
เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสได้เรียนรู้อย่างกว้างขวางและต่อเนื่องตลอดชีวิต
โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ เพื่อขยายบริการการศึกษา แลกเปลี่ยนและกระจายความรู้ข้อมูลข่าวสารไปสู่วงกว้างได้รวดเร็ว การถ่ายทอด แลกเปลี่ยน
และกระจายความรู้ ทั้งที่เป็นภูมิปัญญา และองค์ความรู้ใหม่ ๆ ให้กับชุมชน
ตัวอย่าง : สถาบันวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน
(สพช.) ภาคใต้ จัดให้มีเครือข่ายการเรียนรู้การบริการสุขภาพปฐมภูมิ ภาคใต้
เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านสุขภาพ วัฒนธรรม วิถีชีวิต
การศึกษาและด้านอื่นๆที่มีผลต่อการดำรงชีวิตของคนในภาคใต้
รวมทั้งขยายเครือข่ายไปสู่ภาคอื่นๆ
20. การจัดกระบวนเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
การจัดการเรียนรู้ที่ผู้สอนได้จัดหรือดำเนินการให้สอดคล้องกับผู้เรียนตามความแตกต่างระหว่างบุคคล
ความสามารถทางปัญญา วิธีการเรียนรู้โดยการบูรณาการคุณธรรม
ค่านิยมอันพึงประสงค์ให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการปฏิบัติจริง ได้พัฒนากระบวนการ
คิด วิเคราะห์ ศึกษา ค้นคว้า ทดลอง และแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ตามความถนัด
ความสนใจด้วยวิธีการ กระบวนการ และแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง
ทั้งในและนอกห้องเรียน มีการวัดผลประเมินผลตามสภาพจริง
ทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ตามมาตรฐานที่กำหนด
ตัวอย่าง ครูสายใจ นำการตัดไม้ทำลายป่ามาเป็นเนื้อหาในการเรียนรู้ในการพบกลุ่มเพื่อให้นักศึกษาได้มีส่วนร่วมในการอภิปรายและเรียนรู้ที่จะค้นคว้าและหาแนวทางการป้องกัน
และแก้ปัญหาร่วมกัน
21. สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
เรียกโดยย่อว่า “สำนักงาน กศน.” เป็นหน่วยงานหนึ่งในสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
มีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
1. เป็นหน่วยงานกลางในการดำเนินการ ส่งเสริม
สนับสนุน และประสานงาน การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
และรับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการ
2. จัดทำข้อเสนอแนะ นโยบาย ยุทธศาสตร์ แผน
และมาตรฐานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยต่อคณะกรรมการ
3. ส่งเสริม
สนับสนุน และดำเนินการพัฒนาคุณภาพทางวิชาการ การวิจัย การพัฒนาหลักสูตรและนวัตกรรมทางการศึกษา บุคลากร
และระบบข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
4. ส่งเสริม สนับสนุน และดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน
การเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ และการเทียบระดับการศึกษา
5. ส่งเสริม สนับสนุน และประสานงานให้บุคคล ครอบครัว
ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ
สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และองค์กรอื่น รวมตัวกันเป็นภาคีเครือข่าย
เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในการดำเนินงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
6.
จัดทำข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์เครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
สถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา วิทยุชุมชน ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา
ห้องสมุดประชาชน พิพิธภัณฑ์ ศูนย์การเรียนชุมชน และแหล่งการเรียนรู้อื่น
เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างต่อเนื่องของประชาชน
7. ดำเนินการเกี่ยวกับการติดตาม ตรวจสอบ
และประเมินผลการดำเนินงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
8.
ปฏิบัติงานอื่นใดตามพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายที่บัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงาน
หรือตามที่รัฐมนตรีมอบหมาย
22.
สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด/กรุงเทพมหานคร
สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด/กรุงเทพมหานคร
เรียกโดยย่อว่า “สำนักงาน กศน.จังหวัด หรือ สำนักงาน กศน.กทม.” เป็นหน่วยงานในสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
และเป็นหน่วยงานการศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานธุรการ
ของคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด/กทม.
และมีอำนาจหน้าที่บริหารการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
ภายในจังหวัด/กทม.
23. สถานศึกษา กศน.
สถานศึกษา หมายถึง
สถานศึกษาที่จัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยในสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ดังนี้
1. สถาบันการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยภาค
จำนวน 5 แห่ง
2. สถาบันการศึกษาทางไกล จำนวน 1 แห่ง
3. สถาบันส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยสำหรับคนไทยในต่างประเทศจำนวน
1 แห่ง
4. สถาบันการศึกษาและพัฒนาต่อเนื่องสิรินธร จำนวน 1
แห่ง
5. ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดน9 แห่ง
6. ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมวัดญาณสังวรราม
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน 1 แห่ง
7. ศูนย์ฝึกวิชาชีพจังหวัดกาญจนบุรี
“สามสงฆ์ทรงพระคุณ” จำนวน 1 แห่ง
8. ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนกาญจนาภิเษก
(วิทยาลัยในวัง) จำนวน 1 แห่ง
9. ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา จำนวน 13 แห่ง
10. อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์จำนวน 1 แห่ง
สถานศึกษาทำหน้าที่ส่งเสริม
สนับสนุน ประสานงาน
และจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยร่วมกับภาคีเครือข่ายโดยสถานศึกษาแต่ละแห่งจะมีบทบาท
และอำนาจหน้าที่ที่แตกต่างกัน
24 . เครือข่าย (Networking)
กลุ่มคน หรือองค์กรที่สมัครใจแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูลระหว่างกัน
หรือทำกิจกรรมร่วมกัน โดยมีการจัดรูป หรือจัดระเบียบโครงสร้างที่คน
หรือองค์กรสมาชิกยังคงมีความเป็นอิสระ
ความสัมพันธ์ของสมาชิกในเครือข่ายต้องเป็นไปโดยสมัครใจ กิจกรรมที่ทำในเครือข่ายต้องมีลักษณะเท่าเทียม
หรือแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน
ตัวอย่าง : บริษัทเซเว่น อีเลเว่นเป็นเครือข่ายของ
กศน.
เพราะทั้งสองหน่วยงานลงนามความร่วมมือในการอบรมพนักงานที่ไม่จบระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
25. ภาคีเครือข่าย
บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ
และองค์กรอื่น
รวมทั้งสถานศึกษาอื่นที่มิได้สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
ที่มีส่วนร่วมหรือมีวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
ตัวอย่าง :
สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยได้ลงนามความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จัดฝึกอบรมพนักงานราชการเกี่ยวกับการจัดการความรู้ในองค์กร
26. พันธมิตร (Alliance)
การตกลงให้ความร่วมมือในการทำงานระหว่างองค์กรตั้งแต่
2 องค์กรขึ้นไป โดยอาจจะเป็นการให้ความร่วมมือในเรื่องใด ๆ ก็ได้
เพื่อเป็นการเสริมความแข็งแกร่งแก่องค์กรให้สามารถอยู่รอดได้
ภายใต้ภาวะการแข่งขันที่รุนแรง
ตัวอย่าง: การบินไทย
ใช้กลยุทธ์การเป็นพันธมิตรทางการบินกับสายการบินลุฟท์ฮันซา (เยอรมนี)
ยูไนเต็ดแอร์ไลน์(สหรัฐอเมริกา) เซาท์แอฟริกัน(แอฟริกาใต้) และแอนเซ็ท(ออสเตรเลีย)
ที่ทำให้การบินไทยเป็นสายการบินระดับโลกที่มีเครือข่ายบริการทั่วทุกภูมิภาคของโลก
27. หุ้นส่วน (Partnership)
การตกลงที่จะรับผิดชอบในการดำเนินกิจกรรมร่วมกันขององค์กรตั้งแต่
2 องค์กรขึ้นไป และแบ่งหน้าที่ ความรับผิดชอบตามภารกิจของแต่ละองค์กร
การทำงานร่วมกันของทั้งสององค์กรในลักษณะหุ้นส่วนนี้จะให้ความสำคัญของ
ความรับผิดชอบร่วมกัน
ตัวอย่าง:
การเป็นหุ้นส่วนในทางธุรกิจที่ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดชอบในหนี้สินทั้งหมดร่วมกัน
28. พระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
พ.ศ. 2551
เป็นพระราชบัญญัติที่สำนักส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
เสนอเพื่อสนับสนุนให้ประชาชนมีโอกาสเรียนรู้ตามศักยภาพได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดชีวิต
อันจะมีผลต่อการพัฒนาคุณภาพของประชาชนและประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้า
โดยเน้นให้ภาคีเครือข่าย มีส่วนร่วมจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
พระราชบัญญัติฉบับนี้ ประกอบด้วย 25 มาตรา มีสาระหลักสำคัญดังนี้
1. สำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน
เปลี่ยนสถานะเป็นสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
โดยผู้บริหารองค์กรเปลี่ยนจากผู้อำนวยการสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน เป็น
เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย มีฐานะเทียบเท่าเป็นอธิบดี
แต่คงเป็นหน่วยงานไม่เป็นนิติบุคคล
ภายใต้การกำกับของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
2. ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดที่เคยเป็นสถานศึกษา
ปรับมาเป็นสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
เป็นหน่วยงานการศึกษา
3. จะประกาศรายชื่อสถานศึกษาตามกฎหมายใหม่
และสถานศึกษาจะต้องมีคณะกรรมการสถานศึกษา ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินงาน
4. กำหนดให้มีศูนย์การเรียนชุมชน
มีสถานภาพเป็นหน่วยบริการ
29. เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
เรียกโดยย่อว่าเลขาธิการ
“ กศน.” มีฐานะเป็นอธิบดีและเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้าง
และรับผิดชอบการดำเนินงานของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
30. ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด
/ กรุงเทพมหานคร
ผู้บังคับบัญชาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัด
กศน. จังหวัด หรือ กศน. กทม. รวมทั้งเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการครู
และบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดสถานศึกษาที่อยู่ในพื้นที่ที่รับผิดชอบ
และมีฐานะเป็นผู้บริหารการศึกษาตามกฏหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
31.
คณะกรรมการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกรุงเทพมหานคร / จังหวัด
คณะกรรมการที่ให้คำปรึกษา ร่วมมือ ส่งเสริม สนับสนุน
การพัฒนาการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกับภาคีและเครือข่าย
ตลอดจนติดตามการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยของสถานศึกษาและหน่วยงานที่จัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยให้มีคุณภาพ
ตามมาตรฐานที่กำหนด และสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาของประเทศและท้องถิ่น
คณะกรรมการในกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานกรรมการ ปลัดกรุงเทพมหานคร เลขาธิการ กศน.
ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย
ผู้แทนกระทรวงแรง ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข
และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจำนวน
8 คน เป็นกรรมการ
ซึ่งในจำนวนนี้จะต้องแต่งตั้งจากผู้ปฏิบัติงานในภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
จำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน โดยมีผู้อำนวยการสำนักงาน กศน. กทม.
เป็นกรรมการและเลขานุการ
คณะกรรมการในจังหวัดอื่นๆ
ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด
เป็นประธานกรรมการ ปลัดจังหวัด เกษตรจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด แรงงานจังหวัด
พัฒนาสังคมและความมั่นคงจังหวัด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และผู้ทรงคุณวุฒิ
ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจำนวน 8 คน เป็นกรรมการ
ซึ่งในจำนวนนี้จะต้องแต่งตั้งจากผู้ปฏิบัติงานในภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยในพื้นที่ของจังหวัด
จำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน และให้ผู้อำนวยการสำนักงาน กศน. จังหวัด
เป็นกรรมการและเลขานุการ
32. ผู้อำนวยการสถานศึกษา
บุคลากรวิชาชีพที่ได้รับการแต่งตั้งให้รับผิดชอบการบริหารสถานศึกษาแต่ละแห่ง
33. บุคลากรทางการศึกษา
ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา
รวมทั้งผู้สนับสนุนการศึกษาซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ให้บริการหรือปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน
การนิเทศ และการบริหารการศึกษาและปฏิบัติงานอื่นในหน่วยงานการศึกษา
34. การประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
การบริหารจัดการของสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง
เป็นการสร้างความมั่นใจว่าสถานศึกษาจะจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพ
ตามมาตรฐานการศึกษา ผู้สำเร็จการศึกษามีความรู้ ความสามารถ
และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามหลักสูตรที่กำหนดและสังคมต้องการ
การประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ประกอบด้วย 3 ระบบ
คือการควบคุมคุณภาพ การตรวจสอบ และทบทวนคุณภาพ และการประเมินคุณภาพ
เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษา
และเป็นหน้าที่ของบุคลากรทุกคนในสถานศึกษา
ที่ต้องดำเนินการอย่างมีระบบและต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงปรัชญา หลักการ วิสัยทัศน์
พันธกิจ และภารกิจ ของสถานศึกษาที่กำหนดไว้
35. ระบบการสะสมผลการเรียน (Credit Bank System)
การเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถนำความรู้ ทักษะ
ประสบการณ์ของตนเองที่ ได้จากการศึกษาในระบบ นอกระบบ การศึกษาด้วยตนเอง
หรือจากประสบการณ์เรียนรู้ในโอกาสต่าง ๆ
มาเทียบโอนเข้าสู่ระบบการศึกษานอกระบบโรงเรียน
โดยผู้เรียนจะบันทึกกิจกรรมการเรียนรู้และประสบการณ์ที่ได้ไปศึกษาด้วยตนเองไปฝึกอบรม
หรือศึกษาดูงานเป็นหลักฐานสำหรับนำมาใช้ประเมินเทียบโอนความรู้และประสบการณ์เข้าสู่หลักสูตรการศึกษาระดับต่าง
ๆ
ของสถานศึกษาโดยคณะกรรมการจะพิจารณาว่าสิ่งที่ได้เรียนรู้มานั้นตรงกับสาระส่วนใดของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ก็จะพิจารณาให้เป็นส่วนหนึ่งของผลการเรียนตามหลักสูตร
ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนจบการศึกษาเร็วขึ้น
35.1 การเทียบโอนและการประเมินความรู้และประสบการณ์ การให้โอกาสแก่ประชาชน
ที่ต้องการนำความรู้ที่ตนมีมาเทียบ
โดยผู้ขอเทียบโอนต้องขึ้นทะเบียนเป็นนักศึกษาและแสดงความรู้ความสามารถและทักษะที่มีว่าสอดคล้องกับมาตรฐานในหมวดวิชาที่ต้องการเทียบโอนและเข้ารับการประเมินโดยคณะกรรมการที่มีความรู้ความสามารถ
จากเครื่องมือประเมินที่หลากหลาย
หากบุคคลนั้นมีหลักฐานการศึกษาที่ได้มาจากสถานศึกษาอื่น หรือมีวุฒิบัตร
เกียรติบัตร คณะกรรมการจะพิจารณาหลักฐานการศึกษาทั้งหมด
ทั้งที่มีผลการเรียนเป็นหมวดวิชา กลุ่มสาระการเรียนรู้รายวิชา หรือวุฒิบัตร
เกียรติบัตรดังกล่าวแล้ว ที่มีวัตถุประสงค์หรือเนื้อหาสอดคล้องกันไม่น้อยกว่าร้อยละ
60 ก็สามารถเทียบโอนหมวดวิชานั้น ๆ ได้
โดยบุคคลนั้นสามารถนำผลการเรียนที่ประเมินแล้ว
มาเทียบโอนกับสถานศึกษาได้ตามระยะเวลาที่กำหนด
35.2 การเทียบโอนผลการเรียน การนำผลการเรียนรู้ที่ได้จากการเรียนในระบบโรงเรียน
นอกระบบโรงเรียน และ หรือการเรียนรู้ตามอัธยาศัย
มาประเมินคุณค่าเทียบได้กับเนื้อหาบางวิชาของหลักสูตร เพื่อจะเข้าศึกษาต่อ
เพื่อยกเว้นการเรียนวิชานั้นๆ การเทียบโอนมี 2 วิธี คือ
1.พิจารณาจากหลักฐานการศึกษาที่ต้องมีเนื้อหาสาระสอดคล้องกับหมวดวิชาที่ขอเทียบโอนไม่น้อยกว่าร้อยละ
60 และต้องได้ค่าระดับผลการเรียนตั้งแต่ 1 ขึ้นไป
2.
การประเมินความรู้และทักษะประสบการณ์
เป็นการประเมินความรู้และประสบการณ์ที่เกิดจากการศึกษาตามอัธยาศัย การฝึกงาน
การประกอบอาชีพ มาเป็นผลการเรียนโดยผ่านการประเมินจากคณะกรรมการด้วยเครื่องมือที่หลากหลาย
36. การประเมินเทียบระดับการศึกษา
เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้มีความรู้ ความสามารถ
ประสบการณ์ และคุณธรรม จริยธรรม ได้รับการรับรองคุณวุฒิทางการศึกษา
และมีหลักฐานการศึกษา เพื่อใช้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพ
แสดงสถานะในสังคมหรือการศึกษาต่อ
โดยบุคคลสามารถขอรับการประเมินได้จากสถานศึกษา
กศน. ที่มีหน้าที่ประเมินเทียบระดับการศึกษาทั่วประเทศ
ผู้ขอรับการประเมินต้องเข้ารับการประเมินทั้งภาคทฤษฎี ภาคปฏิบัติ และสอบสัมภาษณ์
จากกรรมการประเมินที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิในสาขา นั้น ๆ
โดยสถานศึกษาจะมีการประเมินการเทียบระดับปีละ 2 ครั้ง
37. แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio)
การรวบรวมเอกสารข้อมูล
รายงานการทำงาน หรือผลการทำงานของผู้เรียน โดยจัดเก็บอย่างเป็นระบบ เช่น
จัดเก็บเป็นแฟ้ม เป็นกล่อง เป็นกระเป๋า เป็นต้น เพื่อสะท้อนความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียน
การจัดทำแฟ้มสะสมผลงาน
มีจุดประสงค์ เพื่อนำเสนอผลงานที่สอดคล้องตามสภาพความเป็นจริงของผู้เรียน
ในลักษณะของการเก็บรวบรวมข้อมูล
การรายงานผลการทำงาน เพื่อประเมินความสำเร็จของผู้เรียนที่จัดเก็บเป็นคะแนน
เพื่อประเมินผลระหว่างเรียน หรือสรุปผลหลังเรียน
เป็นการแสดงการทำงานอย่างเป็นกระบวนการและผลงานที่ออกมาของผู้เรียน
38. โครงงาน
วิธีการเรียนรู้ที่ใช้กิจกรรมเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้
(Activity
based learning) โดยผู้เรียนเป็นผู้กำหนดสิ่งที่ศึกษาเรียนรู้
แล้วลงมือเรียนรู้ ศึกษา ค้นคว้า หรือทดลอง เพื่อจะได้เรียนรู้อย่างรู้จริง
และสรุปผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง
และสามารถประยุกต์ความรู้ที่ได้ให้เป็นประโยชน์ต่อชีวิตและการทำงานได้
โดยมีครูผู้สอนเป็นผู้แนะนำ ให้ความช่วยเหลือในการเรียนรู้ของผู้เรียน
การทำ
กิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียน หรือกลุ่มผู้เรียน เป็นผู้คิด ศึกษา ค้นคว้า
ตามความถนัด และความสนใจ แล้ววางแผน ลงมือปฏิบัติ ร่วมกำหนดแนวทางในการวัดผล
และประเมินผล ภายใต้ความช่วยเหลือ การอำนวยความสะดวก และการปรึกษาจากครูผู้สอน
เพื่อให้การปฏิบัติโครงงานเกิดผลสำเร็จ
ตัวอย่าง :
นายบุญมา นักศึกษานักศึกษา กศน. ระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น ทำโครงงานเรื่อง
“รายงานผลการสำรวจการใช้ปุ๋ยเคมีของชาวนา อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย”
โดยระบุเหตุผล กำหนดวัตถุประสงค์ เป้าหมาย วิธีการดำเนินงาน ระยะเวลาผลการสำรวจและข้อเสนอแนะ
39. คูปองส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต
บัตรที่แสดงเป็นเอกสารหรือหลักฐานที่ใช้แทนเงินงบประมาณที่รัฐสนับสนุนเป็นค่าใช้จ่ายรายหัวให้ผู้เรียนนำไปแสดงต่อสถานศึกษาหรือหน่วยจัดการศึกษา
เพื่อเป็นค่าเล่าเรียนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน และหลักสูตรระยะสั้น
เป็นการปรับระบบสนับสนุนงบประมาณจากการจัดสรร
มาเป็นการจัดสรรผ่านผู้จัดด้วยการสนับสนุนรูปแบบคูปองการศึกษาไปยังผู้เรียนโดยตรง
ตัวอย่าง นางสาวชไมพร อายุ 15 ปี 3
เดือน ทำงานอยู่ร้านเสริมสวยใกล้บ้านยังไม่ได้จบมัธยมศึกษาตอนต้น
จึงตัดสินใจเรียนแต่งหน้าเสริมสวย 50 ชั่วโมง เรียนตัดผมดัดผม 50 ชั่วโมง รวม 100
ชั่วโมง ที่โรงเรียนเสริมสวยกานดา ซึ่งเป็นโรงเรียนที่กระทรวงศึกษาธิการรับรอง
และเป็นเครือข่าย กศน. โดยใช้คูปองการศึกษา
โรงเรียนแห่งนี้ได้จัดซื้อวัสดุฝึกให้ผู้เรียน ทำให้นางสาวชไมพรมีโอกาสฝึกทำผม
แต่งหน้า ทำให้เพิ่มพูนทักษะ เมื่อเรียนจบจึงหางานได้ง่ายขึ้น
40. ศูนย์ให้คำปรึกษาแนะนำ
ศูนย์ที่มีเจ้าหน้าที่ให้บริการแนะแนว
ให้คำปรึกษาแก่ประชาชนที่สนใจจะศึกษาหลักสูตรการศึกษานอกระบบ
ให้บริการสื่อในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนผู้รับบริการ มีข้อมูลที่ถูกต้อง
ชัดเจน เข้าใจวิธีการเรียนต่างๆ เช่นวิธีเรียนทางไกล
วิธีที่จะที่ขอรับการประเมินความรู้และประสบการณ์ การประเมินผลระดับการศึกษา
การสะสมความรู้ ตลอดจนข้อสนเทศด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษานอกระบบ
การศึกษาตามอัธยาศัย เป็นต้น เพื่อให้ผู้รับบริการสามารถเลือก
และตัดสินใจอย่างถูกต้องเหมาะสมกับความต้องการและศักยภาพของตนเอง
ตัวอย่าง นายสัมพันธ์ จบ ป. 6 ทำงานเป็นช่างยนต์
อยู่ที่โรงงานแห่งหนึ่ง สนใจจะศึกษาต่อในระดับ ม. ต้น อยากทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย
จึงเดินไปพบเจ้าหน้าที่ของ ศูนย์ให้คำปรึกษา กศน.ใกล้ที่ทำงาน
ทำให้เขาได้รู้ว่ามีหลักสูตรที่จะเรียนมากมาย และเรียนได้หลายวิธี ศูนย์ให้คำปรึกษายังให้เอกสารแก่เขาไปศึกษาที่บ้านก่อนตัดสินใจเลือกเรียน
41. แหล่งเรียนรู้
แหล่งข้อมูลข่าวสาร
สารสนเทศและประสบการณ์ที่สนับสนุนให้ผู้เรียน ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน แสวงหาความรู้
และเรียนรู้ด้วยตนเองตามอัธยาศัยอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้
แหล่งเรียนรู้มีหลายประเภท ได้แก่
แหล่งเรียนรู้ที่มีการจัดตั้ง เช่นสถานศึกษาสถานประกอบการ พิพิธภัณฑ์ ฯลฯ
แหล่งเรียนรู้ตามธรรมชาติ เช่น สถานที่ท่องเที่ยว แหล่งเรียนรู้ในโลกไซเบอร์
เช่นเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เว็บไซต์ ต่างๆ
ตัวอย่าง : แหล่งเรียนรู้มีหลายรูปแบบ
แยกเป็นประเภท ดังนี้
อาคาร/สถานที่/กายภาพ : ห้องสมุด
หอศิลป์ พิพิธภัณฑ์ อนุสาวรีย์ สวนสาธารณะทะเล ศูนย์ วัฒนธรรม หอศิลป์
อุทยานป่าไม้ เมือง ตลาด ชุมชน ศูนย์การค้า
คน/ผู้รู้/ชุมชน/ปราชญ์ : พ่อ แม่
ครอบครัว ครู เพื่อน ศัตรู คู่แข่ง ผู้ชำนาญงานผู้เชี่ยวชาญ ศิลปินยอดเยี่ยม
กวีเอก ครูภูมิปัญญา ปราชญ์ ชาวบ้าน ผู้ปกครอง
ไซเบอร์/ออนไลน์/ICT: เว็บไซต์ เว็บท่า
เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ชุมชนออนไลน์
e-Library, e-Learning, e-Training, e-Book, e-Office, e-Service, Digital
World Virtual Reality
42. ศูนย์การเรียนชุมชน(Community Learning
Center)
ศูนย์กลางจัดการศึกษาต่อเนื่อง
ตลอดชีวิตสำหรับประชาชนในชุมชน เป็นสถานที่สร้างโอกาสในการเรียนรู้และ
แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ตลอดจนการถ่ายทอดวิทยาการ
ภูมิปัญญาที่มีอยู่ในชุมชนให้ดำรงและสืบเนื่องต่อไป
แหล่งในการบริการชุมชน
ในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับความ
ต้องการของประชาชน
เน้นกระบวนการเรียนรู้ในวิถีชีวิต ให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงในยุคโลกาภิวัตน์
และเกิดสังคมการเรียนรู้ การพึ่งพาตนเอง
และการเสริมสร้างวิถีชีวิตที่เป็นประชาธิปไตย
43. ห้องสมุดประชาชน
แหล่งเรียนรู้ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้โอกาสกับประชาชนได้เข้าไปศึกษา
หาความรู้ เพื่อการพัฒนาตนเอง และเพื่อประโยชน์อื่น ๆ แหล่งเรียนรู้ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นแหล่งรวบรวม
สื่อต่าง ๆ ทั้งสื่อ สิ่งพิมพ์ สื่อโสตทัศนศึกษา สื่ออิเล็กทรอนิกส์
เพื่อให้บริการกับประชาชนได้ศึกษา ค้นคว้า และทั้งเป็นแหล่งจัดกิจกรรมต่าง ๆ
เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ให้กับประชาชนในท้องถิ่น และชุมชน
44. e - Library
คำเรียกสลับระหว่าง “ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์” และ
“ห้องสมุดเสมือน” ที่มีบริการทรัพยากรสารสนเทศในรูปแบบเอกสารดิจิตัล
ด้วยการเข้าถึงหรือใช้บริการผ่านคอมพิวเตอร์
ข้อมูลอาจถูกเก็บในแหล่งต้นกำเนิดหรือนำมารวบรวมไว้ที่ศูนย์กลางของห้องสมุดและสามารถสืบค้นจากระยะไกลผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
45. e - Book
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์
เป็นรูปแบบของการจัดเก็บและหรือจัดทำหนังสือดิจิตัล ด้วยโปรแกรมต่างๆ สามารถอ่าน
ขยาย-ย่อส่วน พลิกเพื่อเปิด และดาวน์โหลด เพื่อจัดเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์
หรือยืม-คืนตามกำหนด เสมือนการอ่านหรือยืมหนังสือในรูปของสิ่งพิมพ์
46. e - Learning
รูปแบบการเรียนด้วยตนเองผ่านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร
ที่มีระบบบริหารจัดการการเรียนการสอนที่ทันสมัย ซึ่งได้แบ่งตามสาระ และเนื้อหา
ประกอบกิจกรรมออนไลน์ ให้ร่วมทำด้วยตนเอง และแลกเปลี่ยนข้อมูล
ประสบการณ์ในการเรียนรู้เชิงปฏิสัมพันธ์ ตลอดจนมีการวัดหรือประเมินผล
เพื่อรับรองผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผ่านระบบการเรียนการสอนออนไลน์
47. ผู้จัดการเรียนรู้การศึกษานอกระบบ
ผู้มีความรู้ความเข้าใจจิตวิทยาการเรียนรู้สำหรับกลุ่มเป้าหมายนอกระบบ
โดยเฉพาะวัยผู้ใหญ่ ผู้ด้อยโอกาส และผู้สนใจต่อยอดการศึกษาด้วยตนเอง
ผู้ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้แก่ผู้ลงทะเบียนรับการศึกษานอกระบบ
จัดและสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการแสวงหาและสร้างความรู้ ความเข้าใจตาม
หลักสูตรและวิธีการการจัดการศึกษานอกระบบ
และจัดการประเมินผลและเทียบระดับตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบ
ตัวอย่าง
: ผู้จัดการเรียนรู้การศึกษานอกระบบ เช่น ครูดวงใจ เป็นครูอาสาสมัคร กศน.
และครูแสงเดือนที่เป็นครู ศรช. ของอำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร
เป็นครูจัดการเรียนรู้ให้แก่นักศึกษา และประชาชนในเขตอำเภอเมือง
48. ผู้จัดแหล่งเรียนรู้ตามอัธยาศัย
ผู้มีความรู้ความเข้าใจกระบวนการส่งเสริมการเรียนรู้ตามอัธยาศัย
และจิตวิทยาการเรียนรู้สำหรับผู้สนใจต่อยอดการศึกษาด้วยตนเอง (Learning
How-to-Learn)
ผู้จัดโปรแกรมการเรียนรู้ด้วยสาระความรู้ที่สอดคล้องกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมายหลากหลาย
โดยสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการแสวงหาความรู้ตามกระบวนการ
ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต
และจัดให้มีกระบวนการประเมินผลและเทียบประสบการณ์การเรียนรู้ตามอัธยาศัยแบบ
ยืดหยุ่น(สามารถปรับเพิ่ม-ลดได้ตามมาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา)
49. ครูประจำศูนย์การเรียนชุมชน
ผู้ปฏิบัติงานในลักษณะประจำที่ศูนย์การเรียนชุมชน
ทำหน้าที่จัดกิจกรรม
และอำนวยความสะดวกในการจัดการเรียนรู้แก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายในชุมชน
จัดกระบวนการเรียนรู้ให้บรรลุวัตถุประสงค์ของหลักสูตรและสอดคล้องกับความต้องการของชุมชน
บริหารจัดการในการสำรวจความต้องการของชุมชน
จัดทำข้อมูลชุมชน ให้บริการวัสดุสื่ออุปกรณ์เกี่ยวกับการเรียนรู้
และให้ความร่วมมือกับเครือข่ายในชุมชนเพื่อส่งเสริมและพัฒนาชุมชน
ส่งเสริมสนับสนุนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยการแนะแนว การประชาสัมพันธ์ การนิเทศติดตามผล
และรายงานผลการดำเนินงาน
50. ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน
พนักงานราชการทั่วไปประเภทครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียนที่ได้รับการคัดเลือกจากสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน
รับผิดชอบด้านการศึกษานอกระบบโรงเรียนและส่งเสริมการพัฒนาชุมชน ปฏิบัติงานประจำอยู่ตามศูนย์การเรียนรู้ของตำบลต่าง
ๆ ของทุกอำเภอ
ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียนมี 2 ประเภท ดังนี้
1.
ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียนในพื้นที่ทั่วไป
รับผิดชอบการจัดการศึกษาในพื้นที่ปกติในเมือง ชนบท ชายแดน และศูนย์การเรียนปอเนาะ
2.
ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียนในพื้นที่เฉพาะในเขตภูเขา (ศศช.)
ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียนมีบทบาทหลัก
ดังนี้
1.
จัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือกิจกรรมการเรียนรู้ตามภารกิจเฉพาะกลุ่มเป้าหมายและพื้นที่
2. ส่งเสริมและสนับสนุนการเรียนการสอน
โดยการปฏิบัติงานร่วมกับครูประจำศูนย์การเรียนชุมชนและหน่วยงานเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนในทุกระดับในการจัดการศึกษานอกระบบการศึกษาตามอัธยาศัย
และการศึกษาตลอดชีวิตให้แก่ชุมชน เพื่อให้ประชาชนพึ่งพาตนเองได้
มีอาชีพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
No comments:
Post a Comment